อินเทอร์เน็ต


องค์ประกอบของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต





   
 องค์ประกอบของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หมายถึง ส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้การสื่อสารผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ต เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ เนื่องจากอินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายระดับโลก เป็นเครือข่ายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับ คอมพิวเตอร์จำนวนมาก จึงมีรูปแบบการเชื่อมโยงข้อมูลเฉพาะของตนเอง องค์ประกอบของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มี 5 ส่วนดังนี้

1.ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) หมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์รอบข้างอื่น ๆ เช่น เครื่องพิมพ์ กล้องดิจิทัล และลำโพงเป็นต้น คอมพิวเตอร์จะต้องมีคุณสมบัติพร้อมสำหรับการเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่าย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

1.1 คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) หรือ โฮสต์ (Host) ได้แก่ คอมพิวเตอร์ศูนย์กลางทำหน้าที่ให้บริการข้อมูล และประมวลผลข้อมูลที่รับมาจากคอมพิวเตอร์อื่น ๆ โดยทั่วไปต้องเป็นเครื่องคุณภาพสูง เพื่อรองรับการถ่ายโอนข้อมูล จำนวนมาก





1.2 คอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Client) ได้แก่ คอมพิวเตอร์ทั่วไปที่รับ-ส่งข้อมูลมากจากเครื่องแม่ข่าย อาจจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ เครื่องโน๊ตบุ๊ค เครื่องแลปท็อป ฯลฯ ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วไป ก็จัดเป็นเครื่องลูกข่ายทั้งสิ้น





2. ตัวกลางและอุปกรณ์การสื่อสาร (Communication Device) หมายถึงอุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อระหว่าง คอมพิวเตอร์แม่ข่ายหรือส่วนกลางกับคอมพิวเตอร์ลูกข่าย เป็นช่องทางสำหรับการรับ-ส่งข้อมูล ประกอบด้วย

2.1 โมเด็ม (Modem) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนรูปแบบสัญญาณข้อมูลระหว่างอะนาล็อกและดิจิทัล ความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลของโมเด็มมีหน่วยเป็นบิตต่อนาที (bps) โมเด็มที่มีอัตราความเร็วบิตต่อนาทีสูง เช่น 512 mbps จะรับ-ส่งข้อมูลได้ดีกว่าโมเด็มขนาด 128 mbps




2.2 สายโทรศัพท์ (Telephone) หมายถึง ระบบโทรศัพท์ทั่วไปซึ่งสามารถนำเอาสายสัญญาณเสียบเข้ากับช่องสำหรับเสียบสายเชื่อมต่อของคอมพิวเตอร์




2.3 สายใยแก้วนำแสง (Optical Fiber) เป็นสายสัญญาณอีกชนิดหนึ่งที่ทำจากเส้นใยพิเศษที่สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้ดีกว่าสายโทรศัพท์ทั่วไป




2.4 คลื่นวิทยุและดาวเทียม (Microwave and Satellite) เป็นระบบการสื่อสารโดยใช้คลื่นวิทยุและคลื่นไมโครเวฟรับ-ส่งสัญญาณแบบไร้สายจากดาวเทียม



3. มาตรฐานการควบคุมและการส่งผ่านข้อมูลบนเครือข่าอินเทอร์เน็ต (Control/Internet Protocal) หมายถึง    มาตรฐานที่ใช้ควบคุมและกำหนดเงื่อนไขในการรับ-ส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ได้แก่

3.1 มาตรฐานทีซีพี/ไอพี (TCP/IP : Transmission Control Protocal/Internet Protocal) เป็นโพรโตคอลมาตรฐานสำหรับรับ-ส่งข้อมูลของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

3.2 มาตรฐานเฮชทีทีพี (HTTP : Hypertext transfer protocol) เป็นมาตรฐานสำหรับการสืบค้นข้อมูลชนิดไฮเปอร์เท็กซ์ (HTML) กำหนดและควบคุมวิธีการสื่อสาร ผ่านโปรแกรมสำหรับติดต่ออินเทอร์เน็ต หรือเบราว์เซอร์ (Browser) กับเครื่องแม่ข่ายหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web Server)

3.2 มาตรฐานเอฟทีพี (FTP : File Transfer Protocal ) เป็นมาตรฐานที่ใช้ในการควบคุมและกำหนดวิธีการ โอนย้ายแฟ้มข้อมูล

4. โปรแกรมสำหรับติดต่ออินเทอร์เน็ต (Internet Browser Program) ได้แก่โปรแกรมที่ใช้อ่านข้อมูลไฮเปอร์เท็กซ์ตามมาตรฐานเฮชทีเอ็มแอล (HTML) หรือเรียกว่าเบราว์เซอร์ เช่น Internet Explorer , Mozilla Firfox , Netscape Navigator และ Operaเป็นต้น เบราว์เซอร์ทำหน้าที่อ่านข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เสมือนอ่านหนังสือทีละหน้า สามารถแสดงผลได้ทั้งข้อความ ภาพ เสียง และอื่น ๆ

5. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือไอเอสพี (ISP : Internet Service Provider) หมายถึงหน่วยงาน หรือ องค์กร ผู้ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่บุคคลทั่วไป โดยผู้ให้บริการแต่ละรายจะเป็นสมาชิกของเครือข่าย ระดับประเทศนั้น ๆ แล้วเชื่อมโยงไปยังประเทศต่าง ๆ  สำหรับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายสำคัญหรือรายใหญ่ที่สุด ของไทย คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย หรือ กสท.






อินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน

          โลกวันนี้ได้มาถึงจุดเลี้ยวต่อที่วัฒนธรรมได้หักมุมจากสังคม ที่แต่เดิมมีศูนย์กลาง อยู่ที่เครือข่าย วิทยุ ทีวีและโทรศัพท์มาสู่เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่อุดมไปด้วยข้อมูลข่าวสาร ซึ่งผลักดัน ให้สังคมก้าวสู่สังคมดิจิทัล (Digital Society) โดยทุกวันนี้ทั่วโลกมีมนุษย์ใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ประมาณ 200 ล้านคน หรือร้อยละ 3.2 ของประชากรโลกเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาแห่งเดียว มีผู้ใช้ถึง 80 ล้านคน (ประมาณร้อยละ 29 ของพลเมืองสหรัฐอเมริกา) จากข้อมูลการสำรวจผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของชาวอเมริกัน พบว่าหนึ่งในสามของชาวอเมริกันใช้อินเทอร์เน็ตในการ จับจ่ายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต ปรึกษาแพทย์ผ่านอินเทอร์เน็ต ฟังการถ่ายทอดวิทยุผ่านอินเทอร์เน็ต ลงทุนผ่านอินเทอร์เน็ต จำนองบ้านผ่านอินเทอร์เน็ต ติดตามการขนส่งพัสดุผ่านอินเทอร์เน็ต รับทราบข่าวผ่านอินเทอร์เน็ต สนทนาโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต รวมทั้งทำกิจกรรมการเมืองผ่านอินเทอร์เน็ต และแม้กระทั่งสื่อสารรักกันผ่านอินเทอร์เน็ต
           โปรแกรมอินเทอร์เน็ตที่แตกต่างกัน, เช่น เว็บเบราว์เซอร์, FTP, และ Telnet กิจกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตต่างๆ เหล่านี้ แสดงให้เห็นแนวโน้มว่า มนุษย์เราไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ต เพียงเพื่อการส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) ค้นหา ข้อมูล หรือพักผ่อน บันเทิงอีกแล้ว แต่เป็นการปรับตัวใช้อินเทอร์เน็ตในการดำเนินวิถีชีพ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะสังคมดิจิทัล เป็นเวลาร่วมกว่า 30 ปีที่เครือข่าย ARPANET (Advanced Research Projects Agency NETwork) ซึ่งเป็นเครือข่ายสำนักงานโครงการวิจัยชั้นสูงของรัฐบาลอเมริกา ที่ช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาล และสถาบันการศึกษาสามารถเชื่อมโยงสื่อสารถึงกัน และถือเป็นเครือข่ายเริ่มแรก ที่ต่อมาได้ถูกพัฒนาให้เป็นเครือข่าย อินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน และเป็นเวลาร่วมกว่า 28 ปี ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแพร่หลายสู่โลก
            ท้ายสุดมาถึงอินเทอร์เน็ตที่เริ่มเปิดตัวต่อสาธารณชนไม่ถึง 10 ปีแต่กลับใช้ระยะเวลาใน 5 ปี หลังแปรสภาพจากเครือข่ายสื่อสารธรรมดาเป็นเครือข่ายอรรถประโยชน์สู่สาธารณชน (Public Utility) ประกอบกับแรงขับหนุนของประสิทธิภาพของชิพ (Chip) สมรรถภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ การวางโครงข่ายสื่อสัญญาณความเร็วสูงด้วยเส้นใยนำแสง และโปรแกรมค้นดู หรือบราวน์เซอร์ (Browser) ที่ง่าย และสะดวกต่อการใช้งานนี่เอง จึงทำให้ชาวโลกหันมานิยมใช้อินเทอร์เน็ต ในการสื่อสารและทำธุรกรรมร่วมกัน และเป็นที่แน่นอนว่านับจากนี้ไปอีก 2-3 ปี การเติบโตของธุรกิจ ใหม่ๆ ในอินเทอร์เน็ต จะทำให้ตัวเลขของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกกระโดดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระแสคลื่นเทคโนโลยีสารสนเทศ โถมถั่งไปทุกแวดวง ไม่ว่าแวดวงการศึกษา ธุรกิจ การเงิน การแพทย์ การท่องเที่ยว และการบริการ จนกล่าวได้ว่าข่าวสาร และการสื่อสารต่างๆ เท่าที่มนุษย์เคยใช้งานมา ต่างถูกแปลงเป็นดิจิทัล (Digitized) แล้วแทบทั้งสิ้น
           จากนี้ไปการติดต่อสื่อสารที่มนุษย์ไม่เคยคาดคิดว่า สามารถทำได้มาก่อนก็จะปรากฏให้เห็น ผ่าน เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ณ วันนี้ ผู้บริหารองค์กรต่างๆ ต้องคิดหนักว่าทำอย่างไรจึงจะนำธุรกิจ ของตนไปประกอบการค้าบนอินเทอร์เน็ตได้ และโปรดเชื่อเถิดว่า ถ้าคุณไม่ทำคู่แข่งของคุณต้องทำแน่ เมื่อกระแสการแข่งขันรุนแรง นวัตกรรม และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆจะทยอยไหลหลากตามมา วันนี้เรามีการดำเนินธุรกรรมต่างๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อาทิ เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) การศึกษาทางไกล (e-Education) โทรเวช (e-Medicine) โทรบันเทิง (e-Entertainment) และการเมืองอิเล็กทรอนิกส์ (e-Politics) ทุกสิ่งที่กล่าวถึงเหล่านี้ ล้วนมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตความคิด และการทำงานของเรานี่ไม่ใช่ สิ่งที่ จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ และทุกขณะนี้โดยในชีวิตประจำ วันคุณ จะพบกับ
           - การจับจ่ายสินค้าแบบเชื่อมตรงหรือผ่านเว็บไซต์ (On-line Shopping) 
           - การเรียนการสอนที่อาจารย์บรรยาย จากสถานที่แห่งหนึ่งผ่านไปยังนักศึกษาซึ่งอยู่อีกแห่งที่ห่างไกลออกไป 
           - การพบแพทย์ แบบ เชื่อมตรงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 
           - รูปแบบการบันเทิงตามวันเวลาที่ต้องการของผู้ชม (Video o­n Demand) 
           - การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และการลงคะแนนเสียงแบบเชื่อมตรง 
           เนื่องจาก โครงข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นโครงข่ายเปิดที่เปิดให้ประชาคมโลกใช้กันอย่างเสรี จึงย่อมมีผลกระทบทั้งในแง่ดี และร้ายต่อสิทธิส่วนบุคคล และวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของมนุษย์ อินเทอร์เน็ตไม่แตกต่างไปจากเทคโนโลยีอื่น คือ เป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่งของมนุษยชาติ การควบคุมจัดการจึงตกอยู่กับพวกเราทุกคน ที่ต้องคำนึงถึงจรรยาบรรณ และความรับผิดชอบในการใช้อินเทอร์เน็ตให้อย่างถูกต้องตามครรลองคลองธรรม



มาตรฐานการสื่อสารด้านอินเทอร์เน็ต

โพรโตคอล (Protocol) คือ ตัวกลาง หรือภาษากลางที่ใช้เป็นมาตรฐานสําหรับการสื่อสารในระบบ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารเชื่อมโยงกันระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์นับร้อยล้านเครื่อง ซึ่ง แต่ละเครื่องมีความแตกต่างกันทั้งรุ่นและขนาดของคอมพิวเตอร์ ถ้าขาดโพรโตคอลก็จะไม่สามารถที่จะ ติดต่อสื่อสารให้เข้าใจกันได้ เพราะฉะนั้นโพรโตคอลก็เปรียบเหมือนเป็นล่ามที่ใช้แปลภาษาของระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ต มาตรฐานนี้เรียกว่า TCP IP การทํางานของ TCP/IP จะแบ่งข้อมูลที่จะส่งออกเป็นส่วนย่อย ๆ เรียกว่า แพ็กเก็ต (Packet) แล้วส่งไปตามเส้นทางต่าง ๆ ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยจะกระจายแพ็กเก็ต ออกไปหลายเส้นทาง แพ็กเก็ตเหล่านี้จะไปรวมกันที่ปลายทาง และถูกนํามาประกอบรวมกันเป็นข้อมูลที่ สมบูรณ์อีกครั้ง
ไอพีแอดเดรส (IP Address) คือ หมายเลขประจําเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด มีเครื่องหมายจุด (.) ขึ้นระหว่างชุด เช่น 193.167.15.1 เป็นต้น ตัวเลขแต่ละชุดจะมีค่าได้ตั้งแต่ 0-255 คอมพิวเตอร์ ที่มีไอพีแอดเดรสเป็นของตัวเองและใช้เป็นที่เก็บเว็บเพจเราเรียกว่า เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือโฮสต์ (Host) ส่วนองค์กรหรือผู้ควบคุมดูแลและจัดสรรหมายเลขไอพีแอดเดรส เราเรียกว่า อินเทอร์นิก InterNIC)


บริการต่าง ๆ ในระบบอินเทอร์เน็ต
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ายที่มีการเชื่อมโยงกันไปทั่วโลก ในแต่ละเครือข่ายก็จะมีเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่ทําหน้าที่เป็นผู้ใช้บริการ ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็น เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือ โฮสต์ (Host) เชื่อมต่อ อยู่เป็นจํานวนมาก ระบบคอมพิวเตอร์เหล่านี้จะให้บริการต่าง ๆ แล้วแต่ลักษณะและจุดประสงค์ที่เจ้าของ เครือข่ายนั้นหรือเจ้าของระบบคอมพิวเตอร์นั้นตั้งขึ้นในอดีตมักมีเฉพาะบริการเรื่องข้อมูลข่าวสารและ โปรแกรมที่ใช้ในแวดวงการศึกษาวิจัยเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันก็ได้ขยายเข้าสู่เรื่องของการค้าและธุรกิจแทบ จะทุกด้าน บริการต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตโดยสามารถแบ่งได้เป็นหมวดได้ดังนี้

1. เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web : WWW)


เวิลด์ไวด์เว็บ หรือเครือข่ายใยแมงมุม คือ บริการค้นหาและแสดงข้อมูลแบบมัลติมีเดียบน อินเทอร์เน็ตทุกประเภท ซึ่งข้อมูลและสารสนเทศอาจจัดอยู่ในรูปแบบของข้อความ รูปภาพ เสียง หรือ วิดีโอก็ได้ ข้อดีของบริการประเภทนี้คือ สามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจหน้าอื่น หรือเว็บไซต์อื่นได้ง่าย เพราะใช้วิธีการของไฮเปอร์เท็กซ์ (Hypertext) กล่าวคือ จะมีข้อความหรือรูปภาพที่สามารถเชื่อมโยงไปยัง เอกสารหรือข้อมูลอื่น ๆ ได้โดยตรง โดยมีการทํางานแบบไคลเอนท์/เซิร์ฟเวอร์ (Client/Server) ซึ่งผู้ใช้ สามารถค้นหาข้อมูลจากเครื่องที่ให้บริการซึ่งเรียกว่า เว็บเซิร์ฟเวอร์ โดยอาศัยโปรแกรมที่ใช้ดข้อมูลเว็บ เบราว์เซอร์ (Web Browser) เช่น WWW.sanook.com ที่สามารถค้นหาและเชื่อมโยงไปส่ข้อมูลต่าง ๆ ได้ เช่น ข่าว วาไรตี้ เกมส์ กีฬา เป็นต้น



2. จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail)
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือนิยมเรียกกันทั่วไปว่า “อีเมล์” (E-mai) เป็นรูปแบบการติดต่อสื่อสาร ระหว่างกันและกันบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถส่งข้อความไปยังสมาชิกที่ ติดต่อด้วย โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และสามารถแนบไฟล์ข้อมูลไปพร้อมกับจดหมายได้อีกด้วย ในการ รับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะต้องมีที่อยู่ในการจัดส่งเช่นเดียวกับการส่งจดหมายปกติ ซึ่งที่อยู่ของ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์เรียกว่า E-mail Address



3. การโอนย้ายข้อมูล (FTP : File Transfer Protocol)
เป็นรูปแบบการติดต่อสื่อสารข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอีกรูปแบบหนึ่ง ใช้สําหรับการ โอนย้ายข้อมูลระหว่างผู้ใช้โปรแกรม FTP กับ FTP Server การโอนย้ายไฟล์จาก FTP Server มายังเครื่อง ของผู้ใช้ เรียกว่า ดาวน์โหลด (Download) และการโอนย้ายไฟล์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ไปยัง FTP Server เรียกว่า อัพโหลด (Upload) ปัจจุบันการโอนย้ายข้อมูล หรือ FTP ใช้กันอย่างแพร่หลาย และแต่ละแห่งจะมีการบริการข้อมูลแตกต่างกันไป แต่โดยปกติแล้วในการโอนย้ายข้อมูลจะต้องมีการ อนุญาตให้ใช้บริการ แต่ในปัจจุบันมีเครือข่ายหลายแห่งที่เปิดบริการให้ผู้ใช้ภายนอกสามารถถ่ายโอนข้อมูล โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย



4. การสืบค้นข้อมูล (Search Engine)
การสืบค้นข้อมูล คือ บริการที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ ปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่ โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละราย โดยพิมพ์ข้อความที่ต้องการสืบค้นเข้าไป โปรแกรมจะทําการค้นหา ข้อมูลที่ต้องการให้ แล้วแสดงผลลัพธ์ขึ้นมา โปรแกรมประเภทนี้เรียกว่า Search Engines เว็บไซต์ที่ ทําหน้าที่เป็น Search Engines มีอยู่เป็นจํานวนมาก เช่น Google, Yahoo, Sanook เป็นต้น



5. การสนทนากับผู้อื่นบนอินเทอร์เน็ต (Chat)
จะคล้ายกับการใช้โทรศัพท์แต่แตกต่างกันที่ เป็นการสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะใช้ ไมโครโฟนและลําโพงที่ต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์ในการสนทนา ปัจจุบันมีโปรแกรมมากมายให้เลือกใช้ เช่น Spe, Google Talk, Pattalk เป็นต้น ซึ่งผู้ใช้ต้องดาวน์โหลดโปรแกรมเหล่านี้ แล้วทําการติดตั้งโปรแกรม โดยผู้ใช้งานต้องมี E-mail และทําการตั้งชื่อและรหัสผ่านเพื่อเข้าใช้งาน ปัจจุบันนอกจากจะติดต่อสื่อสาร ด้วยการพูดคุยด้วยเสียงแล้ว ยังสามารถเห็นหน้าตาผู้สนทนาได้อีกด้วย โดยผ่านทางกล้องหรือ Web Camera



6. กระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ (News Group or Use Net)
เป็นบริการกระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ สําหรับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร และแสดงความคิดเห็นลงไปบริเวณกระดานข่าวได้มีการแบ่งกลุ่มผู้ใช้ออกเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งแต่ละ กลุ่มจะสนใจเรื่องราวที่แตกต่างกันไป เช่น การศึกษา การท่องเที่ยว การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม การเกษตร และอุตสาหกรรม เป็นต้น



7. การสื่อสารด้วยข้อความ IRC (Internet Relay Chat)
เป็นการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น โดยการพิมพ์ข้อความโต้ตอบกัน ซึ่งจํานวนผู้ร่วมสนทนาอาจม หลายคนในเวลาเดียวกัน ทุกคนจะเห็นข้อความที่แต่ละคนพิมพ์เหมือนกับว่ากําลังนั่งสนทนาอยู่ในห้อง เดียวกัน โปรแกรมที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารได้แก่ Window Live Messenger, Yahoo Messenger, IC เป็นต้น ปัจจุบันภายในเว็บไซต์ยังเปิดให้บริการห้องสนทนาผ่านทางโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ได้อีกด้วย



8. สังคมออนไลน์ (Social Network)
สังคมออนไลน์ คือ สังคมที่จะช่วยให้คุณหาเพื่อนบนโลกอินเทอร์เน็ตได้ง่าย ๆ เราสามารถที่จะสร้าง พื้นที่ส่วนตัวขึ้นมาเพื่อแนะนําตัวเองได้ รวมทั้งทําการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนได้หลายช่องทางทั้งการ Chat การแชร์รูป การแชร์วิดีโอ การนัดหมาย นอกจากนี้ยังสามารถทําธุรกิจบนสังคมออนไลน์ได้เช่นกัน ทั้งด้าน การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นต้น โดยในปัจจุบันมีเว็บ SNS (Social Network Site) มากมาย เช่น Hi5, Friendster, My Space, Face Book, Google, Twitter เป็นต้น


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ไลน์



ข้อดีของอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ตประกอบไปด้วยบริการที่หลากหลาย ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการมากมาย ดังต่อไปนี้
1. ค้นคว้าข้อมูลในลักษณะต่างๆ เช่น งานวิจัย บทความในหนังสือพิมพ์ ความก้าวหน้าทางกาแพทย์ ฯลฯ ได้จากแหล่งข้อมูลทั่วโลก เช่น ห้องสมุด สถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาในการเดินทางและสามารถสืบค้นได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
2. ติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วจากการรายงานข่าวของสำนักข่าวต่างๆ อยู่ รวมทั้งอ่านบทความเรื่องราวที่ลงในนิตยสารหรือวารสารต่างๆ ได้ฟรีโดยมีทั้งข้อความและภาพประกอบด้วย
3. รับส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเงินค่าตราไปรษณียากร ถึงแม้จะเป็นการส่งข้อความไปต่างประเทศก็ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นเหมือนการส่งจดหมาย การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์นี้นอกจากจะส่งข้อความตัวอักษรแบบจดหมายธรรมดาแล้ว ยังสามารถส่งแฟ้มภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียงพร้อมกันไปได้ด้วย
4. สนทนากับผู้อื่นที่อยู่ห่างไกลได้ทั้งในลักษณะการพิมพ์ข้อความและเสียง
5. ร่วมกลุ่มอภิปรายหรือกลุ่มข่าวเพื่อแสดงความคิดเห็น หรือพูดคุยถกปัญหากับผู้ที่สนใจในเรื่องเดียวกัน เป็นการขยายวิสัยทัศน์ในเรื่องที่สนใจนั้นๆ
6. ถ่ายโอนแฟ้มข้อความ ภาพ และเสียงจากที่อื่นๆ รวมทั้งโปรแกรมต่างๆ ได้จากแหล่งที่มีผู้ให้บริการ
7. ตรวจดูราคาสินค้าและสั่งซื้อสินค้ารวมทั้งบริการต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปห้างสรรพสินค้า
8. ให้ความบันเทิงหลายรูปแบบ เช่น การฟังเพลง รายการวิทยุ การชมรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ รวมไปถึงการแข่งขันเกมกับผู้อื่นได้ทั่วโลก
9. ติดประกาศข้อความที่ต้องการให้ผู้อื่นทราบได้อย่างทั่วถึง
10. ให้เสรีภาพในการสื่อสารทุกรูปแบบแก่บุคคลทุกคน
ข้อเสียของอินเทอร์เน็ต
ถึงแม้อินเทอร์เน็ตจะก่อให้เกิดผลดีต่อผู้ใช้มากมาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการ ดังต่อไปนี้
1. อินเทอร์เน็ตเป็นข่ายงานขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ทุกคนจึงสามารถสร้างเว็บไซด์หรือติดประกาศข้อความได้ทุกเรื่อง บางครั้งข้อความนั้นอาจจะเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ได้รับการรับรอง เช่น ข้อมูลด้านการแพทย์หรือผลการทดลองต่างๆ จึงเป็นวิจารณญาณของผู้อ่านที่จะต้องไตร่ตรองข้อความที่อ่านนั้นด้วยว่าควรจะเชื่อถือได้หรือไม่

2. นักเรียนและเยาวชนอาจติดต่อเข้าไปในเว็บไซด์ที่ไม่เป็นประโยชน์หรืออาจยั่วยุอารมณ์ ทำให้เป็นอันตรายตัวตัวเองและสังคม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น